การฉีดฟิลเลอร์ ( Filler )

การฉีดฟิลเลอร์เปรียบเสมือนการเติมเต็มส่วนที่ขาด เหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น อาทิเช่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ดวงตาดูสดใสไม่ลึก หรืออาจจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ดูเรียบเนียน นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ยังสามารถเติมเต็มทำให้ส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นต้น ซึ่ง เมดิควีนส์คลินิค มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ ปรับรูปหน้าให้ตรงตามที่ต้องการ แถมมีโปรโมชั่นอีกมากมาย เรียกได้ว่าสวยจบครบในที่เดียว สอบถามเราละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก

ผลของการฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันที โดยทั่วไปแพทย์จะทายาชาที่บริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ หรือในบางกรณี แพทย์อาจใช้วิธีประคบน้ำแข็งก่อนทำการรักษา ซึ่งใช้เวลาฉีด 10 – 20 นาที โดยคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลยหลังรับการรักษาไม่ต้องพักฟื้น

บริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ (Filler )

1. เติมเต็มให้คางดูยาวได้รูปมากขึ้น
2. เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม
3. เติมเต็มใต้ตาให้ดูไม่ลึก
4. เติมเต็มร่องแก้มให้เรียบเนียน
5. เติมเต็มบริเวณใบหน้าส่วนต่างๆให้ดูเต็มอิ่ม
6. ในกรณีที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมจมูกสามารถนำมาเติมเต็มจมูกให้ดูมีมิติเพิ่มขึ้นได้

อาการข้างเคียง

อาจมีอาการบวมเป็นการชั่วคราว (ส่วนใหญ่ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปาก) แดง กดเจ็บ และฟกช้ำ การประคบเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ อาการบวมแดงมักจะหายไปภายใน 24 – 48 ชั่วโมง และกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติได้ทันทีโดยใช้เครื่องสำอางช่วยปกปิด การดูแลหลังการรักษา

ข้อห้ามหลังจากฉีดฟิลเลอร์

1. 48 ชั่วโมงแรก ไม่ควรออกกำลังกายให้เหงื่อออกมาก หรือไปตากแดดร้อนๆเพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงมากขึ้นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
2. หลังฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรจับ ลูบคลำ นวด หรือปั้นเอง ในบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
3. ควรดื่มน้ำในปริมาณที่มากโดยเฉพาะ 4 วันแรก ของหลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ประมาณ 8-6 แก้ว เพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้ฟิลเลอร์ที่ทำการเติมเต็มเข้าไปนั้นอยู่ได้นานขึ้น และช่วยให้น้ำจับกับโมเลกุล ของฟิลเลอร์ที่ฉีด ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
4. หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ความร้อนบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์

ไขข้อข้องใจในการฉีดฟิลเลอร์ ( Filler) ฉีดอย่างไรให้สวยและปลอดภัย